Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit ลงตัวทั้งทำเล อาหาร และจอ LED ล้ำสมัย
สิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเรา (คุณออยกับคุณอาโนว์) ตั้งใจสำหรับงานแต่งงานคือ มีอาหารอร่อย และสะดวกสบายตั้งแต่การเดินทาง ทำให้แขกที่มางานรู้สึกประทับใจ จึงตั้งเป้าหมายที่จะจัดในโรงแรม โดยหาข้อมูลและอ่านรีวิวจาก SabuyWedding ลิสต์รายชื่อโรงแรมที่เราสนใจเอาไว้
มีหลายโรงแรมที่ไปดูสถานที่จริง แต่พวกเราชอบที่ Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit (ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท) มากที่สุด เพราะอยู่ติดรถไฟฟ้า คุณนกให้การต้อนรับดีมาก คุยง่าย บริการดี ที่สำคัญ ยังมีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลาย ในรีวิวที่อ่านรุ่นพี่บ่าวสาวก็มักชมว่าที่นี่จัดเต็มอาหารตั้งแต่มื้อเช้า ตอบโจทย์งานแต่งของเราเลยค่ะ
และทางโรงแรมยังมีจอ LED ความคมชัดระดับ 8K ขนาดกว้างถึง 20 เมตร ทำให้เราเริ่มคิดที่จะใช้จอ LED สร้างบรรยากาศในช่วงพิธีเลี้ยงฉลองและอาฟเตอร์ปาร์ตี้ให้ดูสวยยิ่งขึ้น ถือว่ามีผลในการตัดสินใจเลือกที่นี่เหมือนกันค่ะ
ธีมงาน Flowers Bloom เพิ่มความหวานละมุนด้วยโทนสีชมพู-พีช
ในธีมหลักจะเน้นไปที่งานจัดดอกไม้แบบ Full Bloom โดยเป็นดอกไม้จริงถึง 80% ส่วนอีก 20% เป็นดอกไม้ประดิษฐ์ การตกแต่งเน้นโทนสีชมพูกับสีพีช พร้อมประดับไฟผีเสื้อตัวใหญ่ แจมอยู่ตามพุ่มดอกไม้ ให้ความรู้สึกโรแมนติกเหมือนภาพงานแต่งในฝันเลยแหละค่ะ
การตกแต่งทุกโซนจะลิงก์ไปด้วยกันทั้งหมด ตั้งแต่แกลเลอรี่ แบ็คดรอป เวทีและเค้ก Mood and Tone ออกแนวหวาน ๆ ในแบบที่เราชอบ แต่โซนแกลเลอรี่จะมีความพิเศษตรงที่ นอกจากตั้งรูปถ่ายพรีเวดดิ้งของพวกเราแล้ว ยังมี Artist ที่น้องสาวของเจ้าบ่าวจ้างมาวาดภาพ Live Painting เป็นของขวัญให้กับพวกเรา ตอนได้รับภาพที่เสร็จสมบูรณ์ เราร้องไห้เลยค่ะ ภาพสวยประทับใจมาก
ทางด้านของชำร่วยเป็นที่รองแก้วเรซิ่น มี 2 สีให้แขกเลือก คือ สีฟ้ากับสีชมพูค่ะ มีโฟโต้บูธให้ทุกคนได้ถ่ายรูปเล่น พร้อมได้รูปสำหรับเขียนอวยพรถึงพวกเรา และมีบูธไอศกรีม ที่นำเข้ามาสำหรับงานแต่งของพวกเราโดยเฉพาะ บนฝาไอศกรีมจะมีรูปของพวกเราและโลโก้งานแต่ง เป็นกิมมิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดจากความชอบกินไอศกรีมค่ะ
Cr. lucuzz
อีกหนึ่งกิมมิกคือ พร็อพถ่ายรูปสำหรับบ่าวสาว ทำออกมาคล้ายกับหนังสือพิมพ์ ทั้ง Text พลาดหัว การจัดวางคอลัมน์ ด้านในบอกรายละเอียดงานแต่ง ด้านหลังมี Quotes ความรักจากนักเขียนชื่อ E.A. Bucchianeri
เพิ่มเติมในส่วนการตกแต่งของงานพิธีเช้า เราได้จัดตกแต่งรูปแบบจีน-โมเดิร์น ในโทนสีแดง-ครีม รวมไปถึงพานขันหมากที่ประดับดอกไม้สีแดง เพื่อให้เข้ากับพิธียกน้ำชา ฉากหลังเน้นใช้งานผ้าทำเป็นม่าน แล้วเสริมดอกไม้สีแดงสดตามมุมต่าง ๆ ให้บรรยากาศการตกแต่งไม่แตกต่างไปจากงานช่วงเย็นมากนั่นเอง
งานพิธียกน้ำชาไซส์เล็ก แต่เต็มอิ่มไปด้วยความอบอุ่นเป็นกันเอง
แม้ที่นี่จะเป็นโรงแรมหรู แต่ก็มีพื้นที่ที่เหมาะกับงานแต่งไซส์เล็ก อย่างพิธียกน้ำชาที่มีแขกประมาณ 100 คน ให้บรรยากาศอบอุ่น สนุก เป็นกันเองตั้งแต่เริ่มขบวนขันหมากจีน มีกั้นประตูเงิน ประตูทอง 2 ด่าน ให้เจ้าบ่าวเต้นเบา ๆ ลอดประตูที่จะเริ่มลดระดับลง และบอกรักเจ้าสาว ซึ่งเจ้าบ่าวของเราอาจมีเขินอายเล็กน้อย แต่ก็บอกว่าสนุกดีค่ะ
บริเวณระเบียงด้านนอกมีจัดซุ้มดอกไม้เล็ก ๆ เป็นจุดที่เจ้าบ่าวมารับตัวเจ้าสาว ซึ่งซุ้มนี้จะตั้งไว้ตลอดทั้งวัน จนถึงตอนเย็นก็ยังมีแขกมาถ่ายรูปเล่นที่บริเวณนี้ เพราะมีการตกแต่งและวิวที่สวย
หลังจากที่เจ้าบ่าวไปรับตัวเจ้าสาวเข้ามาด้านในแล้ว ก็เริ่มยกสินสอด สวมแหวน ป้อนขนมอี๋ให้กัน ยกน้ำชาและรับไหว้ผู้ใหญ่ ตามลำดับค่ะ เป็นพิธีที่กระชับ มีแต่ครอบครัวและแขกผู้ใหญ่ บรรยากาศอบอุ่นมาก ๆ ในระหว่างนั้นก็เริ่มเสิร์ฟอาหารจีน ติ่มซำ รวมไปถึง Coffee Break อาหารอร่อยจนหมดเกลี้ยงเลยแหละค่ะ
แล้วก็กลับเข้าห้องสู่พิธีส่งตัว ทางโรงแรมจัดปูเตียงไว้ให้อย่างเรียบร้อย ของใช้สำหรับพิธีส่งตัว ได้แก่ พัดแดง ตะเกียง ตู้เซฟ และอื่น ๆ ตามพิธีจีน อีกสิ่งที่ชอบมากคือ ห้องสวีทขนาดใหญ่ มีแยกส่วนห้องรับแขก ห้องนอน ห้องน้ำแบบ City View เมื่อแช่น้ำในอ่างก็จะสามารถชมวิวไปด้วยได้ค่ะ
เริ่มด้วยดนตรีคลาสสิกที่ตราตรึงใจ ก่อนบ่าวสาวปล่อยความสนุกในอาฟเตอร์ปาร์ตี้
งานเลี้ยงฉลองจัดขึ้นที่บริเวณชั้น 5 โดยได้พื้นที่จัดงานแบบส่วนตัวทั้งชั้น พิธีเลี้ยงฉลองเริ่มเวลา 18.00 น. เจ้าบ่าวรออยู่ด้านในห้อง Regency Ballroom พร้อมกับแขกอีก 270 คน และด้วยความที่เจ้าบ่าวเป็นคนชอบเล่นดนตรี จึงขอเปิดตัวด้วยการโชว์เล่นไวโอลินเพลง Until I Found You เพลงรักที่สื่อถึงคู่ของเรานั่นเองค่ะ
เมื่อโชว์จบลง เจ้าบ่าวเดินออกมารับเจ้าสาวเข้าไปในงานพร้อมกัน ระหว่างที่เดิน มีวงดนตรีคลาสสิก ทั้งเชลโล ไวโอลิน วิโอล่าและแซกโซโฟน ร่วมใจกันบรรเลงเสียงดนตรี สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติก พวกเราเดินผ่านซุ้มเพื่อนบ่าวสาวที่คอยโปรยกระดาษกลิตเตอร์ ตลอดทางเดิน บรรดาแขกที่มาร่วมงานต่างส่งรอยยิ้มและเสียงแสดงความยินดีกึกก้อง พวกเราตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ
บนเวทีพวกเราได้กล่าวคำมั่นสัญญาและความรู้สึกที่มีต่อกัน เจ้าบ่าวบอกว่า เราเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเขา ไม่ว่าจะเจอเรื่องดีหรือไม่ดี เราจะเป็นคนแรกที่เขานึกถึงเสมอ พวกเราคุยกันทุกเรื่อง สัญญาว่าจะดูแลและรักตลอดไปค่ะ
นอกจากนี้ยังมีคุณพ่อคุณแม่ และเพื่อนสนิทตัวแทนฝั่งละ 2 คน ขึ้นมากล่าวอวยพร ช่วงการกล่าว Speech เป็นซีนที่เราชอบมากที่สุด เพราะเป็นความรู้สึกที่มาจากข้างใน ซาบซึ้งมาก เราน้ำตาไหลตลอดเลย ส่วนเพื่อน ๆ ก็ร้องไห้ไปตาม ๆ กัน
จากนั้นบ่าวสาวก็ร่วมกันตัดเค้ก แล้วมอบเค้กให้คุณพ่อคุณแม่กันบนเวที ทีมงานจัดมุมถ่ายรูปไว้ให้ ภาพที่ออกมาก็จะสวยกว่าไปมอบที่โต๊ะ เสร็จแล้วเป็นการโยนช่อดอกไม้เจ้าสาว คนที่ได้รับช่อดอกไม้ก็จะได้รับรางวัลเป็นเครื่องสำอางของ CHANEL ไปครอง ซึ่งในระหว่างที่ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ จอ LED ก็จะคอยเปลี่ยนฉากหลังให้เข้ากับบรรยากาศบนเวทีค่ะ
จบโมเมนต์ซึ้ง ๆ ต่อด้วยความสนุกในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ บ่าวสาวเปิดตัวด้วยการขึ้นรถเข็นเบลล์บอย โดยมีเพื่อน ๆ ของเจ้าบ่าวช่วยกันเข็นเข้ามา รินแชมเปญเปิดงาน ตามด้วยดนตรีสดและมี DJ เปิดเพลง พร้อมตัวช่วยสำคัญ อย่างจอ LED ที่มีฉากหลังเป็นกราฟิกให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในผับ ช่วยเสริมให้บรรยากาศยิ่งดูน่าสนุกมากขึ้นด้วยค่ะ
Mission Completed! แขกประทับใจ บ่าวสาวก็ใจฟู
สิ่งที่ประทับใจใน Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit เรื่องแรกเลยคือการบริการ ซึ่งสามารถรีเควสได้เลยว่าเรามีข้อกังวลอะไรบ้าง ทาโรงแรมจะช่วยเหลือหรือปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมให้ดียิ่งขึ้น พร้อมดูแลอย่างเต็มที่ ระหว่างที่เตรียมงาน คุณนกจะทักมาคุยมาสอบถามตลอด สัมผัสได้ถึงความใส่ใจอย่างมากเลยค่ะ
ส่วนเรื่องอาหารก็ตอบโจทย์ให้กับงานแต่งของเราเป็นอย่างดี เราเลือกเป็นเมนูค็อกเทลเซ็ตบี ซึ่งในนั้นมีสเต๊กริบอาย เป็นเมนูยืนหนึ่งที่แขกชมกันมาไม่หยุด บอกว่าอร่อยและเนื้อดี หน้าตาอาหารก็สวย เมนูอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกันนะคะ เราเลยรู้สึกดีใจที่ทำให้แขกประทับใจได้ตามที่คาดหวังไว้ในตอนแรกเลยค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
เริ่มจากการคุยกันเองก่อน ลิสต์ความชอบของทั้งคู่ แล้วพูดคุยปรึกษากันในทุก ๆ เรื่อง เพราะการถามคนรอบตัวมากเกินไป อาจทำให้ลังเลและไม่เป็นตัวของตัวเอง อยากให้ทุกคนเชื่อในความชอบของตัวเองแล้วมั่นใจในสิ่งที่เลือกค่ะ
ข้อดีของการจัดงานแต่งในโรงแรม คือมีทุกอย่างให้จบครบ มั่นใจได้ว่าบ่าวสาวและแขกจะสะดวกสบาย และในวันงานยังมีทีมงานของโรงแรมสแตนบายคอยช่วยซัพพอร์ตอีกแรง
ไม่อยากให้ไปซีเรียสเรื่องแขก ทุกอย่างสามารถปรับแก้ได้ตามสถานการณ์ เราต้องเชื่อมั่นในทีมงานและโรงแรมที่เราเลือก พูดคุยกับพวกเขาเยอะ ๆ หรือทางที่ดี ให้แจ้งข้อกังวลไว้ล่วงหน้าก็ดีนะคะ
Photographer : godrakphotography